ความรู้เกี่ยวกับวิชา "การเงินธุรกิจ"
• WACC หรือ Weighted Average Cost of Capital ก็คือ ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของกิจการต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ต้นทุนของเงินกู้ยืม (Cost of debt) และต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (Cost of equity)
• หน้าที่หลักของผู้บริหารการเงินก็คือ ต้องพยายามบริหาร WACC ให้มีค่าต่ำ ที่สุด ซึ่งโดยทั่วไป ต้นทุนของเงินกู้ยืม จะมีค่าต่ำกว่าต้นทุนของส่วนของ ผู้ถือหุ้นค่อนข้างมาก ดังนั้น บริษัทใดก็ตามมีโครงสร้างทางการเงินที่สามารถกู้ยืมเงินได้ในระ
ดับที่เหมาะสมกับฐานะการเงินย่อมจะทำให้ WACC มีค่าต่ำกว่าบริษัทที่ใช้ equity ทั้งหมด
Cost of Equity หรือ Ke นั้น ในทางทฤษฎีสามารถคำนวณได้จาก CAPM หรือ Capital Asset Pricing Model
• CAPM เป็นการคำนวณผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวัง จากการพยายามหาค่าความเสี่ยง (Risk premium) โดยใช้ค่าเบต้า เป็นตัววัด
• ค่าเบต้ามาจากการคำนวณพฤติกรรมของราคาหุ้นดังกล่าวในอดีตระยะเว
ลานาน ๆ ว่ามีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นกี่ % เมื่อเทียบจากอัตราการเปลี่ยนแปลงของตลาดรวม 1%
• Ke ตาม CAPM จะ =Rf +(Rm - Rf) x Beta
• เนื่องจากค่าเบต้าของหุ้นแต่ละตัวมีค่าไม่เท่ากัน ดังนั้น ผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังในหุ้นแต่ละตัวจึงไม่เท่ากันด้วย
• ปัจจัยที่มีผลกระทบกับค่าเบต้า ก็คือปัจจัยที่จะส่งผลให้ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
กว่าหรือแย่กว่าตลาดนั่นเอง โดยทั่วไปก็มักจะได้แก่
1. ขนาดของบริษัท
2. ความผันผวนของรายได้ของธุรกิจ
3. อัตราการกู้ยืมของบริษัท
Liquidation Stock Price และ Going Concern Stock Price
ตัวอย่าง
บริษัทมีหนี้สิน 400 ล้าน มีส่วนของผู้ถือหุ้น 100 ล้าน
ขอให้เพื่อนๆทราบว่า ต้นทุนของเงินประเภทก่อหนี้ เรียกว่า Cost of Debt ใช้ชื่อย่อว่า Kd ในกรณีนี้สมมติว่าเท่ากับ 10 %
และต้นทุนของเงินที่ได้จากผู้ถือหุ้น เรียกว่า Cost of Equity ใช้ชื่อย่อว่า Ke ในกรณีนี้สมมุติว่าเท่ากับ 20 %
ตัวเลข 20 % นี้ เป็นความต้องการขั้นต่ำสุดของผู้ถือหุ้น ถ้าผู้บริหารบริษัททำได้ต่ำกว่านี้ นักลงทุนจะขายหุ้นแล้วไปลงทุนที่บริษัทอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว
่า
วิธีการคำนวณต้นทุนถัวเฉลี่ยของเงินทุนของบริษัท (WACC-Weighted Average Cost of Capital)
สูตร WACC = [Debt / (Debt + Equity) * Kd ] + [Equity