Jim Malesckowski จำได้ถึงสายที่โทรเข้ามาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วราวกับว่าเขาเพิ
่งวางสายไป Jack Ripon หัวหน้าและ CEO กล่าวว่า “ฉันเพิ่งอ่านการวิเคราะห์และฉันต้องการให้คุณลงไปที่ Mexico” คำพูดนี้ก้องอยู่ในหูเขา “คุณก็รู้ว่าเราไม่สามารถตั้งโรงงานใน Oconomo ได้อีกต่อไป ต้นทุนนั้นสูงมาก ดังนั้นให้คุณไปที่นั่น ตรวจสอบว่า operational costs เป็นเท่าไหร่ ถ้าเราจะต้องย้าย และรายงานกลับมาที่ผมภายในหนึ่งอาทิตย์”
ณ ขณะนั้น Jim รู้สึกเหมือนมีดมาปักอยู่ที่ตัวเขาแถวๆใต้ซี่โครง ในฐานะประธานของ Wisconsin Specialty Products Division of Lamprey, Inc. เขารู้เป็นอย่างดีถึงความท้าทายในการจัดการกับต้นทุนค่าแรงสูงใ
นช่วง third-generation และสหภาพแรงงานในโรงงานผลิตของอเมริกา และถึงแม้ว่าเขาจะทำการวิเคราะห์เรียบร้อยแล้วซึ่งนำไปสู่การตอ
บสนองทันทีจาก Jack แต่มันทำให้ Jim ยังคงตกตะลึง มีคนจำนวน 520 คนที่มีรายได้จาก Lamprey’s Oconomo และถ้าโรงงานแห่งนี้ต้องปิดตัวลง ไม่ต้องทำนายก็รู้ว่าเป็นการยากที่พวกเขาเกือบทั้งหมดจะหางานให
ม่ได้ในเมืองที่มีคนแค่ 9,900 คน
ค่าจ้างเฉลี่ย 16 เหรียญต่อชั่วโมงที่เคยถูกจ่ายที่โรงงานใน Oconomo จะถูกจ่ายไปให้คนงาน Mexican แทน ในจำนวนเฉลี่ย 1.6 เหรียญต่อชั่วโมง คนงานชาว Mexican ผู้ใช้ชีวิตในเมืองที่ปราศจากสุขอนามัยและสารตกค้างที่มีอยู่อย
่างมากมายซึ่งเป็นผลมาจากมลภาวะอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ประหยัดต้นทุนไปได้ถึง 15 ล้านเหรียญต่อปีสำหรับ Lamprey แต่จะถูกแทนที่ในต้นทุนส่วนที่เพิ่มขึ้นสำหรับการ training, ค่าขนส่งและสิ่งอื่นๆ
เวลาสองวันหลังจากได้คุยกับตัวแทนรัฐบาล Mexican และผู้จัดการบริษัทอื่นๆ ในเมือง Jim ก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะพัฒนาชุดข้อมูลเปรียบเทียบต้นทุนของการผ
ลิตและต้นทุนค่าขนส่ง ในระหว่างทางกลับบ้าน เขาเริ่มที่จะคิดโครงร่างของรายงาน รู้เป็นอย่างดีว่า ถ้าไม่มีปาฏิหารย์เกิดขึ้น เขาคงต้องทำหน้าที่แจกซองขาว(ให้คนออก)ครั้งมโหฬารกับคนที่เขาเห็นคุณค่า
โรงงานใน Oconomo เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 1921 โดยจัดทำอุปกรณ์เฉพาะสำหรับคนที่ได้รับบาดเจ็บและเครื่องมือการ
แพทย์อื่นๆ Jim ได้มีโอกาสคุยกับพนักงานหลายคน ซึ่งสามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อหรือปู่ของเขาที่ทำงานในที
่เดียวกันของโรงงานบริษัท Lamprey