Answer “The Ban Boredom strategy was really playing off of the urban, young adult market. Marketers know that this demographic gets bored easily and needs to be stimulated. We wanted this group to always see new and different things in the store.” (to create a strong sense of loyalty) Ban Boredom คือ กลยุทธ์ที่ Store24 สร้างขึ้นมาเพื่อจับกลุ่มตลาดผู้บริโภคที่เป็นผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งทาง Store24 เชื่อว่ากลุ่มคนพวกนี้เบื่อง่าย Ban Boredom จึงเป็นกลุยุทธ์ที่จะลบความน่าเบื่อในร้านออกไป โดยใส่สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในร้านเพื่อกระตุ้นให้เกิด brand loyalty กับลุกค้ากลุ่มนี้ ถ้าดูจาก Company Background ซึ่งกล่าวว่าช่วงหลังๆ การขยายสาขาของ Store24 จาก New England ไป NYC เริ่มเป็นไปได้ยาก และหยุดชะงัก ทางผู้บริหารจึงพยายามสร้างกลยุทธ์ใหม่เพื่อให้สามารถดึงดูดลูกค้าได้ โดยการสร้าง Store24 ให้แตกต่างจากร้านอื่นๆ ในที่นี้ Ban Boredom ใกล้เคียงกับการทำ Customer Relationship Management (CRM) ของ Starbucks Coffee คือ Ban Boredom สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยการมีปฏิสัมพันธ์ โดยการพูดคุยกับลูกค้าเพื่อ break the ice และ build relationship เพื่อเพิ่มการขายแบบ cross-sell ซึ่งจากที่ดูมาทั้งหมด หากว่า Store24 สามารถทำตามแผนกลยุทธ์ Ban Boredom ได้ ก็แปลว่าน่าจะสามารถดึงดูดลูกค้า และสร้างลูกค้าประจำได้โดยดูจากความสำเร็จของ Starbucks Coffee เป็นตัวอย่าง แต่จาก paragraph ที่สอง “In May 1998,…the most recent customer feedback surveys showed low differentiation of Store24 from our competitors…The survey results showed that customers primarily valued fast service and good product selection” แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าไม่ได้ต้องการความแปลกใหม่จากร้านอย่าง Store24 สิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ คือ ความรวดเร็ว และวัตถุดิบที่มีคุณภาพ แปลว่าจริงๆแล้ว Ban Boredom Strategy น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสมกับ Store24
Question 2: What does Store24 have to do well to succeed?
Answer จากข้อ 1 เราสามารถดูได้จาก feedback ของลูกค้าว่า แท้จริงแล้วลูกค้าต้องการความรวดเร็ว และวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยไม่สนใจเรื่องความแปลกใหม่ หรือ relation